
ราคาทองย่อตัว $44 หลังพุ่งแรงแตะ $3,500 — นักลงทุนเทขายทำกำไร-คาดการค้าสหรัฐฯ–จีนเริ่มคลี่คลาย
ราคาทองคำโลก (Gold Spot) ปิดตลาดลดลง $44 อยู่ที่ระดับ $3,379 ต่อออนซ์ หลังจากที่ขึ้นไปทำ All-time high ที่ $3,500 เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ โดยการปรับขึ้นกว่า $500 หรือราว 30% ภายในเวลา 39 วัน สร้างแรงจูงใจให้ นักลงทุนเทขายทำกำไร ออกมาในวงกว้าง
สาเหตุหลักของแรงเทขาย
1. ราคาทองขึ้นเร็วเกินไปในเวลาสั้น
- ทะลุจาก $3,000 สู่ $3,500 ในเวลาไม่ถึง 40 วัน
- ให้ผลตอบแทนร้อนแรงถึง 30% จนเข้าเขต Overbought ทางเทคนิค
- สัญญาณจาก MACD และ RSI เริ่มส่งสัญญาณพักฐาน
2. ความหวังเจรจาการค้าสหรัฐฯ–จีนคลี่คลาย
- สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ระบุว่า “ความขัดแย้งการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนจะคลี่คลายในไม่ช้า”
- แม้ยอมรับว่า การเจรจายังยืดเยื้อ แต่ทั้งสองฝ่ายก็ ไม่ต้องการให้สถานการณ์ลากยาว
- ข่าวนี้ลดแรงซื้อทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
3. การลดถือครองทองของ SPDR
- กองทุน SPDR ขายทองคำออก 4.59 ตัน หลังราคาทองพุ่งแรงหลายวัน
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องจับตาคืนนี้
- PMI ภาคการผลิตและบริการ (เม.ย.) – บ่งชี้ความแข็งแกร่งภาคธุรกิจสหรัฐฯ
- ยอดขายบ้านใหม่ (มี.ค.) – สะท้อนความเชื่อมั่นและสภาพเศรษฐกิจครัวเรือน
วิเคราะห์ราคาทองคำ
ปัจจัย | วิเคราะห์ |
---|---|
แนวรับสำคัญ | $3,300 และ $3,250 – เป็นระดับที่ราคาทองอาจดีดกลับได้หากมีแรงซื้อ |
แนวต้านสำคัญ | $3,420 และ $3,500 – หากมีข่าวลบจากเฟดหรือจีนอาจรีบาวด์กลับ |
สัญญาณเทคนิค | อยู่ในภาวะ Overbought มาระยะหนึ่งแล้ว จึงมีโอกาสพักฐาน |
แนวโน้มระยะสั้น | คาดราคาทองอาจย่อตัวต่อเนื่อง โดยมีโอกาสลงทดสอบ $3,250 ก่อนจะเห็นแรงซื้อกลับ |
สรุป
การที่ราคาทองปรับตัวขึ้นเร็วมากในระยะสั้น ทำให้การ พักฐานเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะเมื่อมีสัญญาณบวกจากฝั่งสหรัฐฯ และจีนเรื่อง การคลี่คลายสงครามการค้า หากคืนนี้ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาด อาจส่งผลให้ราคาทองยังเผชิญแรงกดดันต่อเนื่อง โดยบริเวณ $3,250 คือแนวรับสำคัญที่นักลงทุนควรจับตา เพื่อวางกลยุทธ์สะสมในรอบใหม่