แนวโน้มราคาทอง 21 ก.ค. 68
ราคาทองคำโลก ในสัปดาห์ที่ผ่านมาเคลื่อนไหวในทิศทางบวก โดยได้แรงหนุนจากประเด็นการเมืองระหว่างประเทศ โดยเฉพาะท่าทีของ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่เริ่มแสดงความ “อ่อนข้อ” ต่อสหภาพยุโรป (EU)

ทองคำปรับขึ้นจากกระแสภาษีทรัมป์-EU
ราคาทองคำโลก ในสัปดาห์ที่ผ่านมาเคลื่อนไหวในทิศทางบวก โดยได้แรงหนุนจากประเด็นการเมืองระหว่างประเทศ โดยเฉพาะท่าทีของ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่เริ่มแสดงความ “อ่อนข้อ” ต่อสหภาพยุโรป (EU) ในเรื่องมาตรการภาษีนำเข้า จากเดิมที่เคยขู่ว่าจะเก็บภาษีศุลกากรกับ EU สูงถึง 30% แต่ล่าสุดตามรายงานของหนังสือพิมพ์ Financial Times ที่อ้างแหล่งข่าววงใน ระบุว่า ทรัมป์เสนอแนวทางใหม่ให้ กำหนดอัตราภาษีขั้นต่ำที่ 15%-20% แทน ซึ่งแม้จะยังเป็นระดับที่สูงกว่าปัจจุบัน แต่ถือว่า “ลดระดับความตึงเครียด” ทางการค้าลงได้ในระดับหนึ่ง
ด้าน EU เองก็เริ่มมีปฏิกิริยาโต้ตอบ โดยเตรียมมาตรการภาษีศุลกากรที่จะเรียกเก็บกับสินค้าจากสหรัฐฯ มูลค่ากว่า 84,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หากยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ แต่ในขณะเดียวกัน EU ก็พยายามแสดงท่าทีร่วมมือ โดยเสนอว่าหากสหรัฐฯ เก็บภาษีนำเข้าในระดับ 10% จะถือเป็น “ระดับที่ยอมรับได้” สะท้อนความพยายามเดินสายกลางเพื่อรักษาความสัมพันธ์ทางการค้า ซึ่งนักลงทุนมองว่า เป็นสัญญาณบวกที่ลดความเสี่ยงจากสงครามการค้าเต็มรูปแบบ และหนุนให้ราคาทองคำปรับขึ้นจากสถานะ “สินทรัพย์ปลอดภัย”
จีน-สหรัฐเริ่มผ่อนคลาย | แร่หายากพุ่ง 32% | เอ็นวิเดียหวนขายชิป AI ให้จีน
ในฝั่งจีน ก็มีความเคลื่อนไหวที่ช่วยสร้างบรรยากาศเชิงบวกเช่นกัน โดยรัฐบาลจีนออกมายืนยันว่า การเจรจาทางการค้าระดับสูงกับสหรัฐฯ ในช่วงที่ผ่านมา “มีพัฒนาการเชิงบวก” และ ไม่มีความจำเป็นต้องกลับไปสู่ภาวะสงครามภาษีแบบเดิม ซึ่งเป็นถ้อยแถลงที่ช่วยคลายความวิตกของตลาดเกี่ยวกับความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ โดยเฉพาะในประเด็นด้านเทคโนโลยีและวัตถุดิบสำคัญอย่าง “แร่หายาก” (Rare Earths)
ทั้งนี้ ข้อมูลจากกรมศุลกากรจีนระบุว่า ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา จีนส่งออกแร่หายากเพิ่มขึ้นถึง 32% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สูงมาก และส่งสัญญาณว่า จีนเริ่มกลับมาส่งออกวัตถุดิบทางยุทธศาสตร์ให้สหรัฐฯ อีกครั้ง
อีกหนึ่งจิ๊กซอว์สำคัญคือ การเคลื่อนไหวของ บริษัท NVIDIA ยักษ์ใหญ่ด้านชิป AI ของสหรัฐฯ ที่ประกาศจะ กลับมาจำหน่ายชิป H20 รุ่นเฉพาะตลาดจีน ให้กับพันธมิตรในจีนอีกครั้ง ภายหลังจากที่ก่อนหน้านี้ถูกจำกัดการส่งออกจากมาตรการควบคุมของรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งความร่วมมือนี้ ถูกมองว่าเป็นสัญญาณของการประนีประนอมเชิงเศรษฐกิจที่สำคัญในภาคเทคโนโลยี และช่วยลดความวิตกในตลาดได้ระดับหนึ่ง
ทองยังแกว่งในกรอบ แม้ SPDR ขายต่อเนื่อง | ตลาดจับตาแนวรับ 3,335 ดอลลาร์
แม้ว่าภาพรวมจะเอื้อต่อสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ แต่แรงกดดันยังคงมีจากฝั่ง กองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุนทองคำรายใหญ่ของโลก โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมา SPDR ได้ขายทองคำออก 4.01 ตัน ทำให้ยอดถือครองสุทธิขยับลงมาอยู่ที่ 943.63 ตัน ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำกว่าช่วงต้นเดือน และอาจเป็นปัจจัยจำกัด Upside ของราคาทองคำในระยะสั้น
ด้านแนวโน้มทางเทคนิค ราคาทองคำยังแกว่งตัวในลักษณะ “Sideway Up” โดยมีแรงหนุนจากความไม่แน่นอนทางการเมืองระหว่างประเทศ และความคาดหวังว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดดอกเบี้ยในปีนี้ แม้จะยังไม่มีสัญญาณที่ชัดเจนจากตัวเลขเงินเฟ้อในช่วงที่ผ่านมา โดยตลาดยังคงให้น้ำหนักสูงว่า เฟดอาจเริ่มลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายน
แนวรับ–แนวต้านสำคัญ
- แนวรับสำคัญ: 3,335 ดอลลาร์ หากหลุดอาจเกิดแรงขายทำกำไรระยะสั้น
- แนวต้านสำคัญ: 3,385 ดอลลาร์ หากผ่านได้อาจเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้นรอบใหม่
สรุปแนวโน้มและกลยุทธ์
ภาพรวมสัปดาห์ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าตลาดทองคำตอบสนองอย่างชัดเจนต่อข่าวสารทางการเมือง-การค้า ไม่ว่าจะเป็นท่าทีของทรัมป์กับ EU, ความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ หรือการเคลื่อนไหวของยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีอย่าง NVIDIA โดยแม้จะมีแรงขายจากกองทุน SPDR แต่บรรยากาศโดยรวมยังค่อนข้างเป็นบวกต่อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
กลยุทธ์แนะนำ:
- นักลงทุนระยะสั้น: รอจังหวะย่อตัวเข้าเก็งกำไร โดยพิจารณาแนวรับ 3,335 ดอลลาร์
- นักลงทุนระยะกลาง: เน้นสะสมช่วงราคาย่อลึก หากเฟดยืนยันทิศทางลดดอกเบี้ยในไตรมาส 3
- ติดตามใกล้ชิด: ข่าวการค้า, ดอกเบี้ยสหรัฐฯ และท่าทีจากจีน-สหรัฐ-EU ซึ่งมีผลโดยตรงต่อราคาทอง