แนวโน้มราคาทอง 20 ต.ค. 68
ราคาทองคำโลกปรับตัวลงเล็กน้อย หลังทรัมป์ส่งสัญญาณผ่อนคลายมาตรการภาษีสินค้าจีน ขณะสหรัฐฯ เผยรายได้การคลังปี 2025 ทำสถิติสูงสุด ด้าน SPDR Gold Trust เพิ่มถือครองทองอีก 12.59 ตัน หนุนแนวโน้มฟื้นตัวระยะสั้น
.jpg?ip/crop/w1200h700/q80/webp)
ราคาทองคำโลก ปรับตัวลงเล็กน้อย หลังทรัมป์ส่งสัญญาณผ่อนคลายมาตรการภาษีสินค้าจีน ขณะสหรัฐฯ เผยรายได้การคลังปี 2025 ทำสถิติสูงสุด ด้าน SPDR Gold Trust เพิ่มถือครองทองอีก 12.59 ตัน หนุนแนวโน้มฟื้นตัวระยะสั้น
ราคาทองคำโลก ในตลาดล่าสุดปรับตัวลดลง หลังจาก โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระบุว่าการขู่ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีน 100% “ไม่สามารถคงอยู่ได้ในระยะยาว” ส่งผลให้ตลาดคลายกังวลต่อความตึงเครียดทางการค้าและเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ขณะเดียวกัน กระทรวงการคลังสหรัฐฯ เผยรายได้ปีงบประมาณ 2025 เพิ่มขึ้นแตะ 5.235 ล้านล้านดอลลาร์ สูงสุดเป็นประวัติการณ์ สะท้อนความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ
ปัจจัยต่างประเทศกดดันราคาทองคำอ่อนตัว
นอกจากประเด็นสงครามการค้าแล้ว ทรัมป์ยังประกาศเตรียมจัดการประชุมครั้งที่ 2 กับ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ที่กรุงบูดาเปสต์ เพื่อเจรจายุติความขัดแย้งในยูเครน ซึ่งนักลงทุนมองว่าเป็นสัญญาณบวกต่อเสถียรภาพโลก ทำให้แรงซื้อทองลดลงในระยะสั้น
ขณะเดียวกัน SPDR Gold Trust กองทุนทองคำรายใหญ่ของโลก ยังคงเข้าซื้อทองคำเพิ่มอีก 12.59 ตัน ส่งผลให้ยอดถือครองรวมอยู่ที่ 1,047.21 ตัน สะท้อนมุมมองระยะกลางว่ายังมีแรงหนุนจากฝั่งนักลงทุนระยะยาว
แนวโน้มราคาทองคำและระดับสำคัญที่ต้องจับตา
ราคาทองคำโลกเคลื่อนไหวบริเวณแนวรับ 4,200 และ 4,187 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยยังสามารถยืนเหนือระดับดังกล่าวได้
- หาก ยืนเหนือ 4,187 ดอลลาร์ได้ต่อเนื่อง มีโอกาสฟื้นตัวขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 4,272 และ 4,300 ดอลลาร์
- แต่หาก หลุด 4,187 ดอลลาร์ลงมา มีแนวโน้มเข้าสู่ภาวะ “ปรับฐานต่อเนื่อง”
ทั้งนี้ คืนนี้ไม่มีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญจากสหรัฐฯ ซึ่งอาจทำให้ราคาทองเคลื่อนไหวในกรอบจำกัด
สรุป ราคาทองคำโลกยังอยู่ในช่วงปรับฐานหลังดอลลาร์แข็งค่าและความตึงเครียดทางการค้าผ่อนคลาย อย่างไรก็ตาม การที่ SPDR เพิ่มการถือครองทองคำถือเป็นสัญญาณเชิงบวกในระยะกลาง นักลงทุนควรติดตามแนวรับ 4,187 ดอลลาร์เป็นจุดสำคัญ หากยังยืนได้ มีโอกาสเห็นแรงรีบาวด์ในช่วงต่อไป