.jpg?ip/crop/w1200h700/q80/webp)
ราคาทองทะลุ $3,400 ทำจุดสูงสุดใหม่ $3,430 จากกังวลทรัมป์กดดันเฟด – จีนเตือนทั่วโลกอย่าร่วมมือสหรัฐ
ราคาทองคำพุ่งแรงทะลุแนวต้านจิตวิทยาสำคัญที่ $3,400 และขึ้นไปทำ All-time high ที่ $3,430 ต่อออนซ์ จากความวิตกที่ก่อตัวขึ้นทั้งด้าน การเมืองสหรัฐฯ และสงครามการค้าโลก โดยเฉพาะความพยายามแทรกแซงของอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ต่อธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และท่าทีแข็งกร้าวของ จีน ที่ส่งผลให้ตลาดการเงินทั่วโลกเริ่มกลับมาถือครองทองคำในฐานะ สินทรัพย์ปลอดภัย
ปัจจัยสำคัญที่หนุนราคาทองคำ
🇺🇸 ความกดดันต่อเฟด
- ทรัมป์โพสต์ใน Truth Social ว่า “เศรษฐกิจจะชะลอตัวลง หากพาวเวลไม่รีบลดดอกเบี้ย”
- ข่มขู่ว่าจะ ปลดประธานเฟด เจอโรม พาวเวล หากยังไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยทันที
- ความกังวลต่อ ความเป็นอิสระของเฟด กลายเป็นประเด็นหลักที่สร้างแรงซื้อทองคำอย่างต่อเนื่อง
🇨🇳 สงครามการค้ารุนแรง
- จีนออกคำเตือนประเทศอื่นว่า อย่าทำข้อตกลงทางการค้ากับสหรัฐฯ
- ระบุว่า หากประเทศใดร่วมมือกับสหรัฐ อาจ “สร้างความเสียหายต่อผลประโยชน์ของจีน” และ จีนจะดำเนินมาตรการตอบโต้ ทันที
- ทำให้ความตึงเครียดทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศทวีความรุนแรงมากขึ้น
การปรับเป้าราคาทองคำ
- ธนาคาร Citi ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาทองคำ ในระยะ 3 เดือนข้างหน้าเป็น $3,500 จากเดิมที่ $3,200
- ชี้ชัดว่าความไม่แน่นอนทางนโยบายเศรษฐกิจและสงครามการค้าจะทำให้ทองคำยังคงเป็นตัวเลือกหลักของนักลงทุน
วิเคราะห์แนวโน้มราคาทองคำ
- แนวรับสำคัญ: $3,400 และ $3,380 หากหลุดมีโอกาสย่อลงมาแถว $3,350
- แนวต้านถัดไป: $3,450 และ $3,500 หากตลาดยังตอบรับเชิงลบต่อประเด็นเฟดหรือสงครามการค้า
- โมเมนตัมยังเป็นบวก: ราคาปิดใกล้จุดสูงสุดของวัน บ่งชี้ว่าแรงซื้อยังแข็งแกร่ง สัญญาณจาก MACD และ RSI ยังหนุนแนวโน้มขาขึ้น
สรุป
ทองคำยังคงยืนเด่นในฐานะ สินทรัพย์หลบภัยอันดับหนึ่ง ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมือง ทั้งในสหรัฐฯ และระดับโลก หากความกังวลเกี่ยวกับนโยบายดอกเบี้ยและสงครามการค้ายังไม่คลี่คลาย ราคาทองคำมีโอกาสวิ่งต่อไปถึง $3,500 ในระยะใกล้ตามที่ Citi คาดการณ์ไว้ โดยต้องจับตาท่าทีของ เฟด และความเคลื่อนไหวฝั่งจีนในสัปดาห์นี้อย่างใกล้ชิด