ภาพรวมตลาด: ทองคำพุ่งแรงกว่า 4.8% สัปดาห์ก่อน
ราคาทองคำ Spot ปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่น เพิ่มขึ้น $155 หรือ +4.86% ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะในวันศุกร์ (23 พ.ค.) ที่ปรับขึ้นแรงอีก $63 จากกระแสแรงซื้อทองคำในฐานะ สินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางแรงกดดันจากหลายปัจจัยที่กระทบความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั่วโลก
- สงครามการค้าทวีความรุนแรง:
ปธน.ทรัมป์ขู่จะ เก็บภาษีนำเข้าสินค้าจาก EU สูงถึง 50% มีผลวันที่ 1 มิ.ย. พร้อมทั้งเพิ่มภาษีนำเข้า 25% สำหรับ iPhone ที่ไม่ได้ผลิตในสหรัฐฯ - ปัญหาหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ:
หลังจากสภาผู้แทนฯ ผ่านร่างกฎหมายภาษี-งบประมาณ ซึ่ง CBO คาดว่าจะผลักดันให้ หนี้สาธารณะสหรัฐฯ พุ่งขึ้นอีก 3.8 ล้านล้านดอลลาร์ภายใน 10 ปี (จากเดิม 36.2 ล้านล้านดอลลาร์) - ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์:
สหรัฐฯ ได้รับข่าวกรองว่า อิสราเอลอาจเตรียมโจมตีโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน ทำให้ความตึงเครียดในตะวันออกกลางกลับมาสูงขึ้นอีกครั้ง
แม้จะมีแรงซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง แต่ในช่วงต้นสัปดาห์นี้เริ่มมีแรงขายบางส่วนจากเทคนิคอล และการพักฐานหลังปรับขึ้นร้อนแรง
ปัจจัยเศรษฐกิจที่ต้องติดตามวันนี้
- คืนนี้ (27 พ.ค.): ไม่มีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญจากฝั่งสหรัฐฯ
- นักลงทุนจึงให้น้ำหนักกับสถานการณ์การเมืองโลกและนโยบายภาษีของสหรัฐฯ มากเป็นพิเศษ
วิเคราะห์ราคาทองคำ
แนวรับสำคัญ | แนวต้านสำคัญ |
---|---|
3,310 ดอลลาร์ | 3,355 ดอลลาร์ |
3,270 ดอลลาร์ | 3,400 ดอลลาร์ |
- ราคาทองคำเริ่ม ย่อตัวจากแรงขายทำกำไร แต่ยัง ไม่หลุดแนวรับ 3,310 ดอลลาร์
- หากยืนเหนือ 3,310 ดอลลาร์ได้ มีโอกาสฟื้นตัวระยะสั้นเพื่อทดสอบ แนวต้าน 3,355 ดอลลาร์
- แต่หากหลุดแนวรับ อาจลงไปทดสอบระดับถัดไปที่ 3,270 ดอลลาร์
กลยุทธ์การลงทุน
- ระยะสั้น: หากราคาทองฟื้นจาก 3,310 ดอลลาร์ ไม่ผ่านแนวต้าน 3,355 ดอลลาร์ ให้รอจังหวะขายทำกำไร
- ระยะย่อ: หากราคาทองหลุด 3,310 ดอลลาร์ และลงใกล้ 3,270 ดอลลาร์ อาจเป็นจังหวะทยอยซื้อสะสม โดยตั้งจุดตัดขาดทุนที่ 3,240 ดอลลาร์
สรุป: ราคาทองยังถูกหนุนจากความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ หนี้สาธารณะสหรัฐฯ และสงครามการค้าโลก หากยืนเหนือ 3,310 ดอลลาร์ได้ มีลุ้นฟื้นตัวต่อ แต่ยังต้องระวังแรงขายทำกำไรระยะสั้นจากการปรับขึ้นร้อนแรงในสัปดาห์ก่อน