แนวโน้มราคาทองวันนี้ สรุปภาพรวมตลาดโลก ปัจจัยลบจากบอนด์ยีลด์
อัปเดตราคาทองคำโลกยังทรงตัวในกรอบ หลังบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ พุ่งต่อเนื่องจากข่าวที่ปรึกษา ‘ทรัมป์’
ราคาทองวันนี้ สรุปภาพรวมตลาดโลก ปัจจัยลบจากบอนด์ยีลด์
ภาพรวมราคาทองคำในตลาดโลกตอนนี้ยังคงทรงตัวอยู่ในกรอบแนวรับ/ต้านเดิม สิ่งที่น่าสนใจและเป็นปัจจัยลบที่กดดันราคาทองอยู่คือ บอนด์ยีลด์สหรัฐฯ อายุ 10 ปี ที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 7 จนถึงระดับ 4.17% จากเดิม 4.00% สาเหตุหลักมาจากความกังวลในตลาดพันธบัตรที่เริ่มมองว่ามีโอกาสที่นายเควิน แฮสเซตต์ ที่ปรึกษาเศรษฐกิจคนสนิทของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ อาจจะเข้ามารับตำแหน่งประธานเฟดคนใหม่ ซึ่งเป็นประเด็นที่ทำให้ตลาดเริ่มมีการรับรู้ถึงแนวโน้มเงินเฟ้อในอนาคตที่สูงขึ้น และทำให้เกิดความเสี่ยงว่าเฟดอาจถูกการเมืองแทรกแซงและต้องขึ้นดอกเบี้ยในภายหลัง ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นตัวฉุดรั้งราคาทองคำไม่ให้ไปต่อ
ทำไมบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ พุ่งสูง และดอลลาร์เป็นอย่างไร?
ถึงแม้ว่าบอนด์ยีลด์จะพุ่งขึ้น แต่ดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ยังคงทรงตัวอยู่ในช่วง 99.22 – 99.79 หน่วย ไม่ได้มีการเคลื่อนไหวหวือหวามากนัก ตรงกันข้ามกับมุมมองของหลายสถาบันการเงินที่เริ่มมีการคาดการณ์เกี่ยวกับนโยบายการเงินในอนาคตของเฟด โดยเฉพาะหากมีการเปลี่ยนแปลงตัวประธานเฟดจริง ซึ่งจะส่งผลให้เฟดอาจผลักดันนโยบายไปในทิศทางที่ผ่อนคลายมากขึ้น
- JP Morgan: นายเจ แบร์รี หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์อัตราดอกเบี้ยทั่วโลก ให้ความเห็นว่าตลาดกำลังเริ่มมีพฤติกรรมรับรู้ถึงแนวโน้มเงินเฟ้อในอนาคต ซึ่งเป็นผลจากความเสี่ยงที่เฟดอาจถูกการเมืองแทรกแซง
- Bank of America (BoFA): นายอาทิตยา บาฟ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส คาดการณ์ว่า เฟดอาจมีการลดดอกเบี้ยถึง 2 ครั้งในช่วงเดือนมิ.ย. และ ก.ค. ปี 2026 ซึ่งจะทำให้อัตราดอกเบี้ยในปี 2026 อยู่ในช่วง 3.0% – 3.25%
- SPDR: กองทุนขนาดใหญ่อย่าง SPDR ยังคงมีการขายทองคำออกไป 1.14 ตัน ทำให้ยอดรวมสุทธิที่ถือครองอยู่ที่ 1,049.11 ตัน
สรุปได้ว่า แม้ว่าราคาทองคำจะถูกกดดันจาก บอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ที่พุ่งสูงจากความกังวลเรื่องการแทรกแซงทางการเมืองของเฟด และมีการเทขายจากกองทุน SPDR เล็กน้อย แต่ทิศทางของเงินดอลลาร์ยังคงทรงตัว ขณะที่มุมมองของสถาบันการเงินใหญ่ ๆ ก็มองไปในทิศทางที่ว่าในระยะกลางถึงยาว เฟดอาจจะมีการปรับลดดอกเบี้ยลง โดยเฉพาะในปี 2026 ซึ่งเป็นปัจจัยที่เราต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป