.jpg?ip/crop/w1200h700/q80/webp "แนวโน้มราคาทอง 21 เมษายน 68")
ราคาทองพุ่งแตะ All-time High ที่ $3,357 ก่อนย่อตัว แรงซื้อจากสงครามการค้าหนุน – ตลาดจับตาการเจรจาสหรัฐฯ-ญี่ปุ่น
ราคาทองคำในสัปดาห์ที่ผ่านมาเคลื่อนไหวในลักษณะ ผันผวนแต่ยังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น โดยมีแรงซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่องจากสถานการณ์ สงครามการค้าโลกรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะระหว่าง สหรัฐฯ และจีน ที่มีการตอบโต้ทางภาษีกันอย่างเข้มข้น ส่งผลให้ตลาดเกิดความกังวลว่าเศรษฐกิจโลกอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย ซึ่งเป็นแรงหนุนให้ราคาทองคำพุ่งแตะระดับ All-time High ที่ $3,357 ต่อออนซ์
ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาทองคำ
- สงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน: การเรียกเก็บภาษีของทั้งสองประเทศในอัตราสูงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ทำให้เกิดความกังวลต่อเงินเฟ้อและภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก
- ถ้อยแถลงจากประธานเฟด: เตือนว่าการตั้งกำแพงภาษีสูงเกินไปจะเป็นอุปสรรคต่อเป้าหมายทางเศรษฐกิจของเฟด โดยเฉพาะเป้าหมายเงินเฟ้อและการจ้างงาน
- ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง: ดอลลาร์อ่อนค่าต่อเนื่องในช่วงต้นสัปดาห์ ช่วยหนุนราคาทอง แต่ปลายสัปดาห์ดอลลาร์เริ่มแข็งค่าอีกครั้ง กดดันให้ทองคำปรับตัวลง
- ข่าวการเจรจาการค้าสหรัฐฯ-ญี่ปุ่น: สร้างความหวังให้กับนักลงทุนว่าอาจเห็นข้อตกลงบางประการในช่วงผ่อนผันภาษี ทำให้ความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยลดลงชั่วคราว
- แรงขายทำกำไร: หลังราคาทองพุ่งสูง นักลงทุนบางส่วนเริ่มทยอยขายเพื่อล็อกกำไร
ความเคลื่อนไหวของกองทุนทองคำ
- กองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุนทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลก ขายทองออก 0.86 ตัน ในสัปดาห์ที่ผ่านมา สะท้อนถึงแรงขายทำกำไรในตลาด
แนวโน้มราคาทองคำ
- ทองคำยังคงมีแนวโน้มเป็นบวกในระยะกลางจาก ปัจจัยความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ การค้า และภูมิรัฐศาสตร์
- อย่างไรก็ตาม การปรับฐานระยะสั้นอาจเกิดขึ้นต่อเนื่อง หาก ดอลลาร์กลับมาแข็งค่า หรือเกิดความคืบหน้าในประเด็นเจรจาการค้า
กลยุทธ์แนะนำ
- นักลงทุนระยะสั้น: จับตาแนวรับ $3,290 และแนวต้านที่ $3,357 หากทะลุแนวต้าน มีโอกาสขึ้นต่อไปที่ $3,400
- นักลงทุนระยะยาว: หากราคาย่อลงมาใกล้ $3,280–$3,300 อาจเป็นโอกาสทยอยสะสม โดยยังคงเป้าหมายปีนี้ไว้ที่ $3,700–$4,000 ตามคาดการณ์ของโกลด์แมน แซคส์
สรุป
แม้ทองคำจะถูกกดดันในช่วงปลายสัปดาห์จากแรงขายทำกำไรและข่าวเจรจาการค้า แต่ ภาพรวมยังอยู่ในขาขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากสงครามการค้า และความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก ราคาทองอาจผันผวนในระยะสั้น แต่ยังคงเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่นักลงทุนจับตามองอย่างใกล้ชิด